ออกมาตอบให้เคลียร์ชัดกันไปเลยทีเดียว สำหรับนางเอกสาว แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ กรณีที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อช่วงเย็นของวานนี้ (20 ต.ค.) ถึงเรื่องความสัมพันธ์กับนักแสดงหนุ่มรุ่นน้อง นนกุล ชานน ว่ายังไม่มีเวลาสรุปสถานะในตอนนี้ จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ตามมาอีกมากมาย

ล่าสุด แอฟ ทักษอร ถือโอกาสเปิดใจผ่านรายการ แชร์ข่าวสาวสตรอง โดยได้อธิบายถึงความหมายที่เธอต้องการจะสื่อให้ฟังแบบชัดเจน พร้อมยอมรับว่าใช้คำผิดเอง

‘คือรู้ว่าทุกคนคาดหวังอยากจะให้แอฟพูดอะไรชัดๆ หรืออะไรแบบนี้ค่ะ แต่ว่าในส่วนของแอฟ แอฟอยากจะบอกว่าเมื่อคืนนั้นแอฟอยากจะใช้โอกาสในการขอบคุณแขกผู้ใหญ่ หรือแขกเพื่อนนักแสดงหลายคน คือแขกผู้ใหญ่แอฟกล่าวชื่อไปแล้วในการให้สัมภาษณ์ ทุกๆ ท่านแอฟไม่คาดคิดว่าท่านจะมา หรือจริงๆ ไม่ต้องมาก็ได้ แต่ก็มาเพื่อให้กำลังใจแอฟ รู้สึกซาบซึ้งใจมากๆ ค่ะ เลยถือโอกาสในการขอบคุณ’

‘รวมถึงเพื่อนๆ นักแสดง บางท่าน พี่อั้ม พี่แอน ที่เอ่ยชื่อเพราะเป็นรุ่นพี่นะคะ แต่ก็ยังมีรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องที่มาอีกมากมาย แอฟก็อยากจะใช้โอกาสเมื่อคืนนี้ในการขอบคุณทุกๆ ท่านค่ะ ว่าแอฟและครอบครัวซาบซึ้งใจมากๆ’

‘แต่คราวนี้มันก็จะเป็นประเด็นเรื่องของนนนะคะ ที่นักข่าวสัมภาษณ์แล้วก็อยากให้แอฟเคาะว่าเป็นอะไรยังไง คืออยากจะบอกว่า แอฟก็จะใช้โอกาสนี้ขอบคุณเช่นกัน คือไม่ได้ขอบคุณเฉพาะนนคนเดียว แต่ทั้งครอบครัวเลยที่น่ารักและใจดีกับแอฟมากๆ เลย มาช่วยงานแอฟ หลายวันที่เขามาก่อนแอฟอีก และยังมาช่วยงานในทุกๆ วัน ทั้งครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ และพี่สาวน้องสาวด้วยค่ะ’

‘คือ ณ ตอนนี้ แอฟอยากจะขอบคุณ แต่ถ้าจะให้แอฟพูดอะไรด้านอื่น แอฟก็คิดว่าเมื่อคืนขอโทษจริงๆ ที่แอฟใช้คำพูดผิด แอฟไม่มีเวลาที่จะมาสรุปสถานะอะไรตอนนี้ จริงๆ มันไม่ได้ใช้คำว่า ไม่มีเวลา แต่มันไม่กะจิตกะใจ และรู้สึกว่ามันไม่ใช่เวลานี้ ไม่ใช่ช่วงเวลานี้ ไม่ใช่จังหวะนี้ในการที่จะมาสรุป’

‘แต่ถามว่ารู้ไหม รู้ และก็รู้สึกซาบซึ้งใจ และเห็นคุณค่ากับทุกๆ อย่างที่นนและครอบครัวทำให้ค่ะ’

‘อันนี้รวบรวมจากคอมเมนต์นะ ที่บอกว่าไม่รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่เลยเหรอ เหมือนไม่รู้ตัวว่าใครทำอะไรให้ จริงๆ แอฟไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่แอฟหมายถึง ณ ตอนนั้นแอฟก็รู้ว่าหันไปก็เจอเขา แต่แอฟไม่ได้รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่า คนนั้นอยู่ตรงนั้น คนนี้อยู่ตรงนี้ กล้องถ่ายอยู่อย่างนั้นอย่างนี้’

‘คือการที่เราอยู่ตรงนั้นซ้ำๆ ทุกวัน และตลอดเวลา มันไม่ได้รู้สึกหรอกว่าใครถ่าย ไม่รู้จริงๆ คือตอนนี้ทุกคนมีกล้องหมด เราไม่รู้หรอกว่ากล้องไหนช็อตไหนใครถ่าย อยู่ในสายตาใครบ้าง ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติของทุกๆ คน บางทียังรู้สึกเกรงใจแขกมากกว่าเลย’

‘คือพยายามจะเข้าใจในทุกๆ คอมเมนต์ ทุกๆ ฝ่ายค่ะ แต่แค่อยากจะบอกว่าที่เขาอยู่ใกล้ๆ ตรงนั้นเพราะเขาเป็นห่วงแอฟค่ะ อันนี้พูดได้ชัดเจนค่ะเรื่องของความเป็นห่วง คือวันงานศพแอฟเครียดลงกระเพาะ กระอักกระอ่วนจนจะอาเจียน แล้ววันนั้นแอฟท้องเสียก่อนพิธีอะ เขาก็กลัวแอฟไม่ไหว กลัวเป็นลม แล้วเราท้องเสียมาต้องมาอ่านประวัติคุณพ่อ มันก็เป็นเรื่องของจิตใจด้วยค่ะ’