หลังเป็นโสดออร่าความสวยยิ่งพุ่งแรงมากสำหรับนางเอกสาว ‘เบลล่า ราณี ‘ ล่าสุดมาเปิดใจ ถึงชีวิตการทำงานที่ต้องเป๊ะ เป็นคนคิดเยอะ และเคยเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองมาก่อน ณ ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องงาน พร้อมเล่าถึงเรื่องความสุขและความทุกข์ที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา

เปิดใจนางเอกตัวท็อป “เบลล่า ราณี แคมเปน” ใครจะไปรู้ว่าครบเครื่องขนาดนี้ยังขาดความมั่นใจในตัวเอง เพราะเป็นคนคิดเยอะและ ใส่ใจทุกรายละเอียดในเวลาทำงาน เพราะส่วนหนึ่งของชีวิต พร้อมเปิดใจเล่าเรื่องมุมมองความรักอีกด้วย

เมื่อพักจากงานคุณมักจะทำอะไร?

เบลล่า : เอาจริงๆ ช่วงนั้นมันมีน้อยมาก ไม่ค่อยได้อยู่กับตัวเองหรืออะไรสักเท่าไหร่ค่ะ แต่ถ้าวันที่ได้อยู่ก็จะเป็นคนธรรมดา ขี้เกียจๆ คนหนึ่ง การที่อยู่บ้านคือช่วงเวลาพักผ่อน เราจะชาร์ตแบต ชาร์ตพลังให้เต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำ จะนอนตื่นกี่โมง ดูทีวี โน้นนี่นั่น กินอะไรที่ตัวเองอยากกิน

เป็นคนที่ต้องเป๊ะไหมกับชีวิตในการทำงาน ?

เบลล่า : ถ้าทำงานเป๊ะ ไม่เชิงเป๊ะหรอกแต่ว่าเป็นคนที่ค่อนข้างใส่ใจรายละเอียด เหมือนเป็นคนช่างสังเกตุมั้งคะ อย่างเรานั่งเห็นเขากำลังซ้อมกันอยู่ เราจะดูว่าเขาทำอะไรกัน บางทีหูก็ดันไปได้ยินลูกค้าพูดว่าอยากได้อะไรประมาณนี้ พอเราได้ยินก็รู้แล้วว่าเขาต้องการอะไร พอเราเดินเข้าเซ็ทไปก็ตามนั้น

ในกองถ่ายจะถามผู้กำกับไหมว่าอยากได้อะไรยังไง ?

เบลล่า : คือครึ่งๆ ค่ะ ส่วนหนึ่งก็จะดีไซน์เอง ส่วนหนึ่งก็จะคุย ถ้าเรามีคำถามที่เราอ่านบทมาว่าตรงนี้มันยังไงเราก็จะไปคุยให้เคลียร์เลย บางทีผู้กำกับไม่เห็นด้วยกับเราก็จะเจอกันคนละครึ่งทาง เพราะถือว่าเขามองเห็นภาพรวมได้มากกว่า ส่วนเรารับผิดชอบตัวละครที่เราเล่น

ในวันนี้ เบลล่า ราณี นี่คือชีวิตในฝันของคุณเลยไหม ?

เบลล่า : มันไม่ใช่ฝันของตอนเด็กค่ะ ฝันในตอนเด็กไม่ได้มีอะไรที่ชัดเจนมาก อยากทำงานที่มันได้เดินทางท่องเที่ยวได้เจอคนเยอะๆ ได้ทำงานที่ไม่น่าเบื่ออาชีพนี้ก็ตอบโจทย์ตรงนั้น แต่พอได้เข้ามาการมีคนรู้จักหรือมีชื่อเสียงมากขนาดนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เราคิดว่ามันจะเกิดขึ้นในชีวิต มีแอบคิดแต่เป็นฝันที่ไม่กล้าฝัน ตอนที่เข้ามาแรกๆ ว่ามันจะมีไหมวันนั้น วันที่เป็นของเรา แต่พอมาถึงปุ๊บ Oh my god มันมากับความรับผิดชอบที่เราไม่คิดเลยว่าจะขนาดนี้ การเป็นคนของประชาชน คนสาธารณะ เราจะต้องเป็นตัวของตัวเองที่มีความรอบคอบมากยิ่งขึ้น คิดรอบด้านมากขึ้น อยากจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกคนและเรื่องการทำงานของตัวเองด้วยให้ดีที่สุด

สิ่งที่หนักที่สุดของการเป็น เบลล่า ราณี คือ ?

เบลล่า : เมื่อก่อนจะเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง แถมยังเป็นคนที่คิดเยอะ จะดูเหมือนเป็นข้อเสียแต่ว่าในความคิดเยอะนั่นมันคือข้อดีที่ทำให้เราละเอียดมากขึ้น แล้วทีนี้เราจะทำยังไงที่จะทะลายความไม่มั่นใจ คือมันคิดเยอะไปหมด ดีที่สุดหรือยัง ดีแล้วใช่ไหม เอาในความคิดเยอะของเรามากลั่นกรองว่าเอาเท่านี้ก็พอ สุดท้ายมันก็จะกลมกล่อมออกมาเป็นเราไม่ต้องเพอร์เฟคไปซะทุกอย่าง การหลุดๆ หรือปล่อยให้มันเกิดขึ้นในโมเมนต์มันก็ดี

เพื่อนๆ บอกว่าเบลล่าเป็นคนแบบไหน และชอบลงรูปลงในโซเชียลแบบไหนบ้าง?

เบลล่า : ใช่ เพื่อนก็บอกว่าเป็นคนรั่วๆ ไม่ได้แบบอะไรมากมาย เป็นคนชอบยิงมุก ชอบกวน ส่วนเรื่องลงรูปจะเป็นคนไม่ได้ถ่ายเยอะมาก เพราะว่าขี้เกียจไปเลือกเดี๋ยวเลือกไม่ถูก เอาประมาณหนึ่งถ้าได้แล้วก็จะพอ ก็มีใช้แอพพลิเคชั่นบ้างคะ บางทีมุมกล้องที่มันเสยมากขาเราก็เหลืออยู่แค่นี้ บางทีแค่ทำในโฟโต้ยืดภาพมันก็ดูสมส่วนขึ้นแล้ว บางทีแสงไม่ได้มันเกินจริง บางทีรูปที่ถ่ายออกมาถึงขั้นต้องขอกระจกมาดู มันไม่ได้ขนาดนั้น แต่มันยังต้องเป็นเราอยู่ค่ะ

ใน 24 ชั่วโมงนอกจากงานแสดงแล้วทุ่มเวลาให้กับอะไร ?

เบลล่า : นอนให้ได้มากที่สุดค่ะ แล้วก็สุขภาพ ต้องคู่กันเลย เพราะว่างานแทบจะ 100% ของชีวิตเรา ถ้าเราไม่มีสุขภาพมาตีคู่กัน มันไปต่อไม่ได้เลย ช่วงนี้งานก็คือเดือนหนึ่งไม่มีวันหยุด แต่จะเป็นสิ่งที่ปรับแล้วในปีนี้ จะปรับตารางให้มีเวลาคุยกับตัวเอง ให้มีเวลาเช็กตัวเองว่าช่วงนี้เราแฮปปี้กับอะไร เราอยากทำอะไร อย่างน้อยก็นอนให้แบบว่าวันรุ่งขึ้นไม่ต้องรีบไปไหน บำบัดให้กับตัวเองบ้าง มีเวลาให้กับงานอดิเรกเล็กๆน้อยๆ

สุขที่สุดในชีวิตของ เบลล่า ราณี นึกถึงอะไร ?

เบลล่า : เบลว่ามันคือการให้ การที่ได้ช่วยเหลือผู้คนหรือว่าช่วยสัตว์โลกอะไรแบบนี้ มันเป็นเป้าหมายในชีวิตของเบลอยู่แล้วอยากทำตรงนี้รู้สึกว่ามีคุณค่าในการมีชีวิตอยู่ของเบล ได้มาจากที่บ้านด้วยค่ะคุณพ่อเขาชอบช่วยเหลือคนมาก ช่วยทุนการศึกษาเด็ก คือช่วยตรงไหนได้เขาจะช่วย เลยเป็นความตั้งใจของเราว่า ถ้าเรามีเราจะแบ่งปันมันออกไป

ถ้านึกถึงโมเมนต์ที่เศร้าที่สุด นึกถึงอะไร ?

เบลล่า : เราเป็นคนไม่ค่อยเก็บอะไรเท่าไหร่ แต่ก็จะมีตอนคุณพ่อเสีย มันไม่มีความเศร้าไหนที่มากไปกว่าการสูญเสียคนในครอบครัว แต่เบลก็เข้าใจเรื่องของธรรมชาติ

คุณเจอกับอะไรและปรับตัวยังไง ?

เบลล่า : ในตอนนั้นเรียนโท แล้วก็ถ่ายละคร 2 เรื่อง หนึ่งในนั้นคือบุพเพสันนิวาส ก็หนักแต่ว่าเหมือนเราโฟกัสที่งานแล้วเราก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา ที่เราทำมันทั้งหมด เราดูแลเขาแบบดีที่สุด คือเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนต้องเจอ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เราพยายามธรรมะหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เราไปต่อได้ แล้วเราก็ยังจะทำงานให้ออกมาดีที่สุด อยากจะให้เขาภูมิใจว่าถ้าเขามองลงมาว่าเราโอเคอยู่ได้ ก็จับมือแน่นๆกับคุณแม่ค่ะ วันไหนที่คุณแม่แย่เราก็จะเป็นเสาที่แบบแข็งแกร่ง เป็นลูกคนเดียวค่ะ คุณพ่อคุณแม่สอนมาตั้งแต่เด็กว่าเราจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง เพราะว่าพ่อแม่ไม่รู้ว่าจะอยู่กับเราไปได้อีกนานเท่าไหร่

ในความทุกข์ที่เข้ามาคุณสามารถจัดการและปล่อยวางได้ง่ายขึ้น ?

เบลล่า : ก็ใช่ค่ะ วางได้ง่ายขึ้น มันก็ไม่ได้ทำได้ทันทีหรอก แต่ว่าเรามีเป้าหมายในชีวิตของเรา อะไรที่มันเป็นพลังงานลบจะไม่เก็บไว้กับตัว หรือใครที่รู้สึกไม่โอเคเราจะเอาตัวเองออกมา

คุณดูแลชีวิตตัวเองยังไงบ้าง ?

เบลล่า : ทุกอย่างที่นึกออกเลยค่ะ เพราะว่าทำงานเยอะก็ต้องดูแลสุขภาพ ไม่งั้นเราไปต่อไม่ได้ เพราะงานเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเราไปแล้ว

ในยุคนี้หลายคนบอกจะไม่แต่งงานของคุณเป็นแบบไหน ?

เบลล่า : ยังไงก็ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งก็ได้ค่ะ คือถ้าแต่งต้องเป็นอะไรที่ เรียบง่าย ต้องเป็นใครที่สบายใจ

งานกับความรักอะไรมาก่อน ?

เบลล่า : ตอนนี้ก็งานค่ะ (หัวเราะ) มันเห็นกันอยู่แล้ว แต่ถ้าในวันหนึ่งที่มีความรักแล้ว ก็คงต้องบาลานซ์