ต้องถือว่าชีวิตถึงจุดพีคสุดสุด สำหรับนางเอกซุปเปอร์สตาร์ เบลล่า ราณี เคมแปน ที่ได้มีโอกาสมาเปิดใจถึงสเตตัสชีวิตปัจจุบันทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวในรายการ #SWITCH ออกอากาศทางไลน์ทีวี ดำเนินรายการโดย จ๋า ยศสินี ณ นคร โดยในช่วงต้นเบลล่าก็ขอเผยถึงชีวิตตัวเองในตอนนี้ด้วยรอยยิ้ม

“ตอนนี้คือ ที่สุดของชีวิตแล้ว” เนื่องจากทำงาน 7 วัน แทบไม่ได้พัก และกินนอนอยู่บนรถตู้เป็นส่วนใหญ่

“ตอนถ่ายบุพเพสันนิวาสไม่คิดว่ามันจะมาถึงขั้นนี้ ใครจะไปกล้าคิดจริงๆ เราแสดง เราอ่านบทเรารู้สึกว่ามันสนุก เชื่อว่าการตัดต่อเขาต้องทำออกมาสนุก แต่ว่าคาดเดาคนดูไม่ได้ เป็นความคาดหวังที่ไม่สามารถจับต้องได้ แค่เราทำสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบให้ดี ในหน้าที่ของเรา แค่นี้ก็สำเร็จแล้ว”

ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง

“ทำงานทุกวันมีงานเข้ามาเยอะมาก ทุกรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ก็ตาม ได้ทุกอย่างเพราะบุพเพสันนิวาส”

“มาถึงตรงนี้ เราตั้งใจ เราได้งานมาก็อยากทำให้ดีที่สุดเพราะเราไม่ได้มีโอกาสครั้งที่ 2-3 ที่จะแก้ตัว จะให้ความสำคัญกับเรื่องการทำการบ้านมาก งานละครคืองานหลักของเรา และทำให้คนรู้จักเรา และดูผลงานของเรา และรักเราจริงๆ เราโชคดีที่เวลาเราเจออะไรหนักเราทำงานเยอะ จิตใจเลยไม่ได้แย่มาก เพราะเราต้องทำงาน”

แต่ยอมรับว่าสิ่งที่ต้องแลกกับการมีความสุขกับการทำงานนั้นคือ เวลา

” เวลาที่ต้องแลก อย่างอื่นไม่รู้สึก เหนื่อยขึ้น แต่ว่าเราจะทิ้งโอกาสไปทำไม”

“ส่วนสุขภาพเรายังดี เราเช็กตัวเองตลอด เรื่องร่างกาย อารมณ์ เวลานอนน้อยมีงอแงบ้างแต่ว่าพยายามดึงตัวเองกลับมา และทำให้ตัวเองสดใส และทำให้เรามีความสุข”

ซึ่งโชคดีที่สำหรับตนนั้นความสุขเกิดขึ้นง่าย แม้กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม

“เวลาไปงานเจอคนต้อนรับให้กำลังใจ เราแฮปปี้แล้ว อย่างไปถ่ายงาน งานเขาแสงสวย ผมเราสวยแฮปปี้ ได้กินอาหารอร่อยก็มีความสุข”

“รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น เรื่องของชีวิต การงาน เราต้องโตขึ้น รับมือและดูแลใจตัวเองมากขึ้น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ความสุขคืองาน มีความสุขที่งานประสบความสำเร็จ ดีใจที่คนชอบผลงาน”

ซึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้ตนก้าวมายืนในจุดที่สง่างามแบบนี้ นอกจากได้รับโอกาสดีๆแล้ว คิดว่ามาจากความวิริยะของตนเองโดยแท้

“ไม่หยุดนิ่ง เพราะทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา และอยู่ที่ความพยายามของเรา ถ้าเราท้อ เราจะไปอยู่ตรงไหน เราต้องฮึดแล้วเดินต่อไปแม้ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าเป็นอย่างไร แต่วันนี้เราต้องเต็มที่จะได้ภูมิใจว่าเราทำเต็มที่ ฝ่าความท้อความเหนื่อยของเรา ความสำเร็จมันคือความภูมิใจ และได้ชมผลงานตัวเองด้วยความภูมิใจ”

ซึ่งหลักการทำงานการแสดงไม่ซ้ำซ้อน แค่ตั้งใจทำการบ้านและศึกษาชีวิตของตัวละครที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด

“ไม่อยากให้แต่ละเรื่องบทบาทหรือว่าคาแร็กเตอร์ซ้ำ แต่ว่าตัวละครก็เหมือนคนในโลกที่ไม่มีใครเหมือนกัน 100 % ก็อยากให้คนดูสัมผัสได้ว่าที่เราแสดงคือตัวตนของตัวละครจริงๆ จะพยายามไม่ใช่ตัวเองเล่น เพราะอย่างนั้นก็เป็นตัวเอง แต่ว่าดึงอะไรที่เราสามารถประยุกต์ได้

พร้อมกับความท้าทายในการทำงานที่ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม

“เรายังตื่นเต้นทุกครั้งที่เปิดกล้องละครเรื่องใหม่ ตื่นเต้นที่ถ่ายฉากยากๆ ”

แต่แม้ทุกวันนี้ตนจะเทใจให้การทำงานมากแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ตนยกให้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตนั้นคือ ครอบครัว

“ให้ความสำคัญกับเรื่องของเวลากับครอบครัว กับแม่ (ปราณี) ใส่ใจเขามากขึ้น”

“เขาอยู่ใกล้ตัวเราที่สุดแล้วเราจะคิดว่าเมื่อไรก็ได้ แต่ว่าความจริงมันไม่ใช่ ทำปัจจุบันให้ดี”

แม้ตนจะมีความสุขกับช่วงชีวิตน้ำขึ้นขนาดไหน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เคยกลัว เคยหวั่นเลยหากวันหนึ่งสิ่งที่เป็นอยู่จะลดน้อยถอยลง

“ไม่กลัวนะ เพราะว่าทุกอย่างไม่ได้อยู่ตลอดไป เราไม่ได้แสดงเรื่องบุพเพสันนิวาสเป็นเรื่องสุดท้าย ในทุกวันก็มีละครเรื่องใหม่ๆ ออกอากาศเสมอ คงเป็นธรรมชาติ แค่รู้สึกว่ามันมีครั้งหนึ่งในชีวิต มันก็พอแล้ว คุ้มแล้ว ที่เราจะลองสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้ เกินคาด เหนื่อยแต่มีความสุข”

“เราควบคุมอนาคตไม่ได้ นอกจากงานที่อยู่ในมือตอนนี้ มันก็คือความเป็นปัจจุบันอยู่ดี”

และนี่คือคลิปเปิดใจเต็มๆ